14 จำนวนผู้เข้าชม |
“โกดังเก็บของไม่ใช่แค่พื้นที่ว่าง” — ทำไมเจ้าของโกดังต้องมีประกันภัยไว้เสมอ
หลายคนมองว่า “โกดังเก็บของ” เป็นเพียงพื้นที่ว่างสำหรับจัดเก็บสินค้า แต่ในความเป็นจริง โกดังถือเป็น “ทรัพย์สินมูลค่าสูง” ที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงทั้งจาก ไฟไหม้ น้ำท่วม ความเสียหายต่อสินค้า หรืออุบัติเหตุจากการขนย้ายของหนัก
โดยเฉพาะเจ้าของโกดังที่ปล่อยเช่า — หากเกิดเหตุไม่คาดคิด ความเสียหายอาจไม่ได้กระทบเฉพาะตัวอาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทรัพย์สินของผู้เช่า และความรับผิดต่อบุคคลภายนอกอีกด้วย
1. โกดังไม่ใช่พื้นที่ว่าง แต่คือ “ทรัพย์สินที่สร้างรายได้”
โกดังคือทรัพย์สินที่มีมูลค่าทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทางตรง: รายได้จากการให้เช่าพื้นที่
ทางอ้อม: ใช้เก็บสินค้าหรือวัตถุดิบเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อได้
ดังนั้น หากโกดังเสียหาย เช่น ไฟไหม้ พายุ หรือหลังคาพัง เจ้าของโกดังจะต้องเสียทั้ง
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
รายได้ค่าเช่าที่หายไป
ค่าเสียหายที่อาจต้องรับผิดชอบต่อผู้เช่า
สิ่งเหล่านี้สามารถ “เปลี่ยนสินทรัพย์ให้กลายเป็นภาระ” ได้ทันที หากไม่มีประกันคุ้มครองไว้
2. ความเสี่ยงที่มักเกิดขึ้นกับโกดัง
1. ไฟไหม้จากระบบไฟฟ้าเก่าหรือเครื่องจักรทำงานหนัก
เหตุไฟไหม้เป็นภัยที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดในโกดัง โดยเฉพาะโกดังเก็บวัตถุดิบหรือสินค้าที่ติดไฟง่าย
2. น้ำท่วมและพายุฤดูร้อน
ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ลมพายุ หรือหลังคาโกดังปลิว
3. ความเสียหายจากความชื้นและอุณหภูมิ
สำหรับโกดังที่เก็บอาหาร แป้ง หรือสินค้าบรรจุภัณฑ์ ความชื้นสามารถทำให้สินค้าชำรุดได้
4. อุบัติเหตุจากการขนย้ายสินค้า
รถยกหรือพนักงานขนของทำของตกใส่โครงสร้างอาคารหรือทรัพย์สินผู้อื่น
5. ความเสียหายต่อบุคคลภายนอก
กรณีโกดังอยู่ติดพื้นที่ชุมชน หากเกิดเหตุลุกลาม เจ้าของโกดังอาจถูกเรียกร้องค่าเสียหาย
3. ประกันโกดังสินค้าช่วยคุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) ช่วยคุ้มครองใน 3 ส่วนหลัก คือ
คุ้มครองตัวอาคารโกดังและทรัพย์สินภายใน
เช่น โครงสร้างอาคาร ระบบไฟฟ้า เครื่องมือ หรืออุปกรณ์ขนย้ายสินค้า
คุ้มครองสินค้าที่จัดเก็บอยู่ในโกดัง
ทั้งสินค้าของเจ้าของโกดังเอง และสินค้าของผู้เช่าที่เก็บไว้
คุ้มครองความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
หากเหตุไฟไหม้หรืออุบัติเหตุจากโกดังลามไปสร้างความเสียหายต่อผู้อื่น
บางแผนประกันยังสามารถขยายความคุ้มครองให้ครอบคลุมถึง “ความเสียหายระหว่างการขนส่งภายในพื้นที่” ได้ด้วย
4. กรณีศึกษา: โกดังเก็บสินค้าส่งออก
บริษัทโลจิสติกส์แห่งหนึ่งในสมุทรปราการใช้โกดังเก็บสินค้าส่งออกมูลค่าหลายล้านบาท
เกิดเหตุไฟไหม้จากปลั๊กไฟลัดวงจร ทำให้สินค้าบางส่วนถูกเผาไหม้และเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท
บริษัทมีประกันโกดังสินค้าครอบคลุมทั้ง “อาคารและทรัพย์สินภายใน”
บริษัทประกันจ่ายค่าสินไหมเต็มวงเงิน รวมถึงค่าซ่อมหลังคาและระบบไฟฟ้าที่เสียหาย
เหตุการณ์ครั้งนั้นช่วยให้บริษัทไม่ต้องหยุดดำเนินการ และไม่กระทบต่อการส่งออกสินค้าตามกำหนด
5. เจ้าของโกดังที่ปล่อยเช่าควรมีประกันแบบไหน
หากคุณเป็นเจ้าของโกดังที่ให้เช่าพื้นที่ ควรทำประกันแยกเป็น 2 ส่วน
ประเภทประกัน
ความคุ้มครอง
เหมาะกับใคร
ประกันอาคารโกดัง (Property Insurance)
คุ้มครองโครงสร้างอาคารและทรัพย์สินภายใน
เจ้าของโกดัง
ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance)
คุ้มครองสินค้าของผู้เช่าที่เก็บไว้ในโกดัง
เจ้าของหรือผู้เช่า
ประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Public Liability)
คุ้มครองหากโกดังทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
เจ้าของโกดังทุกประเภท
6. สรุป
โกดังไม่ใช่เพียงพื้นที่จัดเก็บของ แต่คือทรัพย์สินที่สร้างรายได้และรองรับระบบโลจิสติกส์ของทั้งธุรกิจ
ดังนั้น การทำ ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) คือการป้องกัน “ความเสียหายที่ไม่คาดคิด” ที่อาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก หรือสูญเงินหลายล้านบาทในพริบตา
สนใจเช็กเบี้ย ประกันเครื่องจักร ติดต่อได้ที่
คุณบอย
โทร: 080-295-6052 | Line: @srikrungmentor
คุณปูเป้
โทร: 080-295-1830 | Line: @srikrungmentor
Facebook Page: ศรีกรุงปทุมธานี
TikTok: ปูเป้ศรีกรุงประกันภัย