15 จำนวนผู้เข้าชม |
เจ้าของโกดังให้เช่า ควรทำประกันแบบไหน? — ป้องกันปัญหาก่อนเกิดข้อพิพาทกับผู้เช่า
ธุรกิจให้เช่าโกดังเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาว
แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าของโกดังก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน — ทั้งไฟไหม้ น้ำท่วม ความเสียหายต่อทรัพย์สิน และข้อพิพาทกับผู้เช่า
สิ่งที่เจ้าของโกดังมักมองข้ามคือ “ขอบเขตความรับผิดชอบ” ระหว่าง เจ้าของโกดัง (ผู้ให้เช่า) และ ผู้เช่า (ผู้ใช้พื้นที่)
เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น ไฟไหม้หรือสินค้าผู้เช้าเสียหาย อาจกลายเป็นคดีฟ้องร้องที่ยืดเยื้อได้
ดังนั้น เจ้าของโกดังจึงควรทำ ประกันภัยที่ครอบคลุมทั้งอาคารและความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เพื่อป้องกันปัญหาก่อนจะเกิดขึ้นจริง
1. เจ้าของโกดังให้เช่า เสี่ยงอะไรบ้าง?
ไฟไหม้จากผู้เช่าใช้งานอุปกรณ์ผิดวิธี
เช่น ต่อไฟเพิ่ม หรือใช้อุปกรณ์ที่กินไฟเกินกำลัง
น้ำท่วมหรือหลังคารั่ว
ทำให้สินค้าของผู้เช่าเสียหายและอาจถูกเรียกร้องค่าเสียหายจากเจ้าของโกดัง
ความเสียหายต่อโครงสร้างอาคาร
เช่น รถยกชนเสาโกดัง หรือการขนของหนักเกินกำหนดจนพื้นทรุด
อุบัติเหตุในพื้นที่โกดัง
หากเกิดเหตุพนักงานผู้เช่าบาดเจ็บ อาจมีการเรียกร้องความรับผิดจากเจ้าของพื้นที่
ข้อพิพาททางกฎหมายจากการตีความสัญญาเช่า
เช่น ใครต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดภัยธรรมชาติหรือไฟไหม้
2. ประกันที่เจ้าของโกดังให้เช่าควรมี
1. ประกันอาคารโกดัง (Property Insurance)
คุ้มครองตัวอาคารและทรัพย์สินภายใน เช่น โครงสร้าง เสา ผนัง หลังคา ระบบไฟฟ้า และเครื่องมือพื้นฐาน
เหมาะกับ:
เจ้าของโกดังที่ต้องการปกป้องทรัพย์สินของตนเองจากภัยต่าง ๆ เช่น ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด น้ำท่วม และพายุ
2. ประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Public Liability Insurance)
คุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกหรือผู้เช่า
เช่น หากไฟไหม้จากโกดังลุกลามไปบ้านข้างเคียง หรือผู้เช่าบาดเจ็บจากโครงสร้างอาคาร
ตัวอย่างเหตุการณ์:
หลังคาโกดังพังลงมาจากพายุ ทำให้สินค้าผู้เช่าเสียหาย
บริษัทประกันจะเข้ามารับผิดชอบค่าเสียหายแทนเจ้าของโกดังภายในวงเงินที่กำหนด
3. ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance)
ครอบคลุมทั้งตัวอาคารและสินค้าที่เก็บอยู่ภายใน
แม้สินค้าจะเป็นของผู้เช่า แต่หากเจ้าของโกดังต้องการให้คุ้มครองเพิ่มเติม สามารถทำประกันรวมไว้ในกรมธรรม์ได้
เหมาะกับ:
โกดังที่ให้เช่าระยะยาวหรือเก็บสินค้ามูลค่าสูง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า วัตถุดิบอุตสาหกรรม หรือสินค้าเกษตร
3. แล้วผู้เช่าควรทำประกันอะไร?
เพื่อป้องกันความเสียหายส่วนของตนเอง ผู้เช่าควรทำ “ประกันสินค้าภายในโกดัง (Stock Insurance)”
เพื่อคุ้มครองสินค้าจากภัยต่าง ๆ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือการโจรกรรม
ดังนั้น ควรระบุให้ชัดเจนใน “สัญญาเช่าโกดัง” ว่า
เจ้าของโกดังรับผิดชอบเฉพาะตัวอาคาร
ผู้เช่ารับผิดชอบสินค้าของตนเอง
4. ข้อดีของการทำประกันสำหรับโกดังให้เช่า
ป้องกันความเสียหายจากเหตุไม่คาดคิด เช่น ไฟไหม้หรือพายุ
ลดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้อง หากเกิดเหตุที่กระทบต่อผู้เช่าหรือบุคคลภายนอก
เสริมความมั่นใจให้ผู้เช่า ว่าพื้นที่ที่เช่ามีมาตรฐานและมีการดูแลเรื่องความปลอดภัย
รักษาสภาพคล่องทางการเงินของเจ้าของโกดัง ไม่ต้องใช้เงินส่วนตัวซ่อมแซมเมื่อเกิดเหตุ
5. สรุป
การเป็นเจ้าของโกดังให้เช่าไม่ใช่เพียงการปล่อยพื้นที่เพื่อเก็บสินค้าเท่านั้น
แต่คือ “การบริหารความเสี่ยงระยะยาว” ที่ต้องเตรียมพร้อมทั้งด้านกฎหมาย ความปลอดภัย และการเงิน
การทำประกัน เช่น
ประกันอาคารโกดัง
ประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
ประกันโกดังสินค้า
คือทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุดในการป้องกันความเสี่ยงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งเจ้าของและผู้เช่า
สนใจเช็กเบี้ย ประกันเครื่องจักร ติดต่อได้ที่
คุณบอย
โทร: 080-295-6052 | Line: @srikrungmentor
คุณปูเป้
โทร: 080-295-1830 | Line: @srikrungmentor
Facebook Page: ศรีกรุงปทุมธานี
TikTok: ปูเป้ศรีกรุงประกันภัย