โรงงานผลิตอาหาร / พลาสติก / เหล็ก ต้องใช้ประกันต่างกันอย่างไร

0 จำนวนผู้เข้าชม  | 

โรงงานผลิตอาหาร / พลาสติก / เหล็ก ต้องใช้ประกันต่างกันอย่างไร

โรงงานผลิตอาหาร / พลาสติก / เหล็ก ต้องใช้ประกันต่างกันอย่างไร?
แม้จะเรียกเหมือนกันว่า “โรงงานอุตสาหกรรม” แต่ในความเป็นจริง แต่ละโรงงานมีความเสี่ยงไม่เหมือนกันเลย
เพราะกระบวนการผลิต วัตถุดิบที่ใช้ รวมถึงอุปกรณ์เครื่องจักร ล้วนมีปัจจัยเฉพาะตัว
ดังนั้นการเลือก ประกันโรงงาน จึงไม่สามารถใช้แบบเดียวกันได้ทั้งหมด

บทความนี้จะพาไปดูว่าโรงงานแต่ละประเภทควรเลือก “ประกันภัยแบบไหน” ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของธุรกิจมากที่สุด


1. โรงงานผลิตอาหาร – เสี่ยงจากความสะอาดและความเสียหายของสินค้า
โรงงานผลิตอาหารมีจุดเด่นคือกระบวนการผลิตที่ต้องสะอาด ปลอดภัย และควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด
แต่ก็มีความเสี่ยงเฉพาะ เช่น

ไฟไหม้จากการใช้เตาอบและอุปกรณ์ไฟฟ้า
การปนเปื้อนของวัตถุดิบจากสารเคมีหรือเชื้อจุลินทรีย์
ระบบทำความเย็นขัดข้องทำให้วัตถุดิบเสียหาย
ประกันที่แนะนำ:

ประกันอัคคีภัยโรงงาน (Fire Insurance) – คุ้มครองไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด
ประกันทรัพย์สิน (Property All Risks) – คุ้มครองวัตถุดิบ เครื่องจักร และคลังสินค้า
ประกันการปนเปื้อนอาหาร (Food Contamination Insurance) – สำหรับโรงงานส่งออกหรือผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เคล็ดลับ:
ตรวจสอบระบบความเย็นและไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ เพราะเป็นจุดที่บริษัทประกันให้ความสำคัญในการประเมินความเสี่ยง


2. โรงงานผลิตพลาสติก – เสี่ยงจากความร้อนและสารเคมี
กระบวนการผลิตพลาสติกเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิสูงและการใช้สารเคมี เช่น เม็ดพลาสติกและตัวทำละลาย
ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อ ไฟไหม้และการระเบิด ได้สูงกว่าโรงงานทั่วไป

ความเสี่ยงหลัก:

ความร้อนสูงจากเครื่องอัดหรือเครื่องหลอมพลาสติก
การรั่วซึมของสารเคมีหรือก๊าซที่ใช้ในกระบวนการ
การเก็บวัตถุดิบติดไฟง่าย เช่น เม็ดพลาสติกและผงเคมี
ประกันที่แนะนำ:

ประกันอัคคีภัยโรงงาน (ขยายคุ้มครองภัยระเบิด)
ประกันเครื่องจักร (Machinery Breakdown Insurance)
ประกันความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Public Liability) – ในกรณีเกิดไฟไหม้หรือระเบิดลามไปยังพื้นที่ข้างเคียง
เคล็ดลับ:
ควรเก็บวัตถุไวไฟในพื้นที่ปลอดภัย และติดตั้งระบบระบายอากาศตามมาตรฐาน เพื่อให้ผ่านการตรวจของบริษัทประกันได้ง่าย


3. โรงงานผลิตเหล็ก – เสี่ยงจากอุบัติเหตุทางเครื่องจักรและแรงงาน
โรงงานเหล็กมักใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ เช่น เครื่องตัด เครื่องรีด หรือเตาหลอมโลหะ
ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง รวมถึงความร้อนและแรงดันสูงจากกระบวนการผลิต

ความเสี่ยงหลัก:

เครื่องจักรขัดข้องหรือระเบิดจากแรงดัน
อุบัติเหตุจากการทำงานของพนักงาน
ความเสียหายจากโลหะหลอมเหลวหรือสะเก็ดไฟ
ประกันที่แนะนำ:

ประกันเครื่องจักร (Machinery Breakdown Insurance)
ประกันอุบัติเหตุพนักงาน (Group Accident Insurance)
ประกันอัคคีภัยโรงงาน – โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเตาหลอมและห้องควบคุม
เคล็ดลับ:
ให้ความสำคัญกับการอบรมพนักงานด้านความปลอดภัย (Safety Training) และตรวจสอบระบบระบายความร้อนของเครื่องจักรอยู่เสมอ


สรุป
โรงงานแต่ละประเภทมี “ความเสี่ยงเฉพาะ” ที่แตกต่างกัน
ดังนั้นเจ้าของโรงงานควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยก่อนเลือกทำกรมธรรม์
เพื่อให้ความคุ้มครองที่ได้รับ “เหมาะกับลักษณะธุรกิจ” และลดความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดคิดให้มากที่สุด

การมีประกันที่ถูกประเภท ไม่เพียงคุ้มครองทรัพย์สิน แต่ยังช่วยให้โรงงานดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์


สนใจลงทุนแฟรนไชส์ DDC EXPRESS
ติดต่อเรา เพื่อสั่งซื้อ สอบถาม หรือขอใบเสนอราคา
เบอร์โทร : 080-2956052 (คุณบอย) | 080-2951830 (คุณปูเป้)
Line@: ddcexpress

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้