5 ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในโกดังสินค้า ที่เจ้าของมักมองข้าม

12 จำนวนผู้เข้าชม  | 

5 ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในโกดังสินค้า ที่เจ้าของมักมองข้าม

5 ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในโกดังสินค้า ที่เจ้าของมักมองข้าม
โกดังสินค้าเป็นหัวใจสำคัญของหลายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและโลจิสติกส์ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็น “แหล่งรวมความเสี่ยง” ที่สามารถสร้างความเสียหายหลักล้านได้ในพริบตา

หลายครั้งความเสียหายไม่ได้มาจากภัยใหญ่โตอย่างไฟไหม้เท่านั้น แต่กลับเกิดจาก “เรื่องเล็ก ๆ ที่ถูกมองข้าม”
มาดูกันว่า มีความเสี่ยงอะไรบ้างในโกดังที่เจ้าของมักไม่ทันระวัง — และประกันโกดังสินค้าสามารถช่วยป้องกันได้อย่างไร


1. ระบบไฟฟ้าเก่า หรือไม่ได้ตรวจเช็กเป็นประจำ
หนึ่งในสาเหตุหลักของเหตุไฟไหม้ในโกดัง คือ “ระบบไฟฟ้าเสื่อมสภาพ”
สายไฟที่ชำรุด การเดินสายไฟไม่ถูกต้อง หรือการใช้ปลั๊กพ่วงเกินกำลัง ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของอัคคีภัยได้ทั้งสิ้น

แนวทางป้องกัน:

ตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยช่างผู้เชี่ยวชาญทุก 6–12 เดือน
เปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี
ติดตั้งเบรกเกอร์ป้องกันกระแสไฟเกิน (ELCB)
ทำไมควรมีประกัน:
แม้จะป้องกันอย่างดี แต่หากไฟไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) จะช่วยชดเชยทั้งอาคารและสินค้าที่เสียหาย


2. การเก็บสินค้าผิดประเภทหรือเกินกำลังรับน้ำหนัก
เจ้าของโกดังหลายแห่งมักเพิ่มปริมาณจัดเก็บโดยไม่คำนึงถึง “โครงสร้างและประเภทสินค้า”
เช่น วางสินค้าติดไฟง่ายไว้ใกล้เครื่องจักร หรือวางสินค้าหนักเกินกว่าพื้นจะรับได้

แนวทางป้องกัน:

จัดโซนเก็บสินค้าแยกตามประเภท เช่น วัตถุดิบ, ของเหลว, ของติดไฟง่าย
ตรวจสอบโครงสร้างพื้นและชั้นวางอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
จัดเส้นทางขนย้ายให้ชัดเจนเพื่อลดอุบัติเหตุจากรถยก
ทำไมควรมีประกัน:
หากเกิดเหตุสินค้าล้มทับหรือไฟไหม้จากการจัดเก็บผิดวิธี บริษัทประกันจะช่วยชดเชยความเสียหายของทั้งตัวสินค้าและอุปกรณ์ภายในโกดัง


3. ความชื้นและอุณหภูมิในโกดัง
โกดังจำนวนมากไม่มีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม
ซึ่งอาจทำให้สินค้าเสื่อมคุณภาพ เช่น อาหารแห้งขึ้นรา หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดการกัดกร่อน

แนวทางป้องกัน:

ติดตั้งระบบระบายอากาศและเครื่องดูดความชื้น
ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นในโกดังอย่างสม่ำเสมอ
หมั่นตรวจสอบสินค้าที่เก็บไว้นานเกิน 6 เดือน
ทำไมควรมีประกัน:
หากสินค้าชำรุดจากความชื้นหรืออุณหภูมิสูงจนไม่สามารถจำหน่ายได้ ประกันโกดังสินค้าบางแผนสามารถครอบคลุมค่าเสียหายเหล่านี้ได้


4. การขาดระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน
หลายโกดังไม่มีระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) หรือเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายจาก “การโจรกรรม” หรือ “อุบัติเหตุที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน”

แนวทางป้องกัน:

ติดตั้งกล้อง CCTV ครอบคลุมทุกจุดสำคัญ เช่น ทางเข้า–ออก และพื้นที่จัดเก็บหลัก
จัดทำบันทึกการเข้าออกของพนักงานและรถขนส่ง
มีระบบตรวจสอบด้วยบัตร RFID หรือ QR Code สำหรับพนักงาน
ทำไมควรมีประกัน:
หากเกิดการโจรกรรม ประกันโกดังสินค้าสามารถชดเชยความเสียหายจากทรัพย์สินที่ถูกขโมยได้ (หากระบุไว้ในความคุ้มครองเพิ่มเติม)


5. ความประมาทของพนักงานในพื้นที่
ความผิดพลาดของคน (Human Error) เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ เช่น

พนักงานเผลอวางของผิดตำแหน่งจนล้มใส่สินค้าอื่น
ลืมปิดเครื่องจักรหรือไฟก่อนออกจากพื้นที่
ใช้รถยกชนผนังโกดังจนเกิดความเสียหาย
แนวทางป้องกัน:

จัดอบรมพนักงานเรื่องความปลอดภัยทุกเดือน
ใช้ป้ายเตือนและระบบล็อกอุปกรณ์เมื่อไม่ใช้งาน
สร้างวัฒนธรรม “ความรับผิดชอบร่วมกัน” ในทีม
ทำไมควรมีประกัน:
หากเกิดเหตุไม่คาดคิดจากความประมาทของพนักงาน บริษัทประกันจะช่วยชดเชยค่าเสียหายตามเงื่อนไขในกรมธรรม์


สรุป
ความเสียหายในโกดังมักเกิดจาก “สิ่งเล็ก ๆ ที่เจ้าของมองข้าม”
แต่ผลลัพธ์อาจกลายเป็นความสูญเสียหลักล้านบาทได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

การทำ ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) คือวิธีที่คุ้มค่าที่สุดในการป้องกันความเสี่ยงทั้งหมด
เพราะแม้จะป้องกันดีแค่ไหน ความไม่แน่นอนก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ


สนใจเช็กเบี้ย ประกันเครื่องจักร ติดต่อได้ที่

คุณบอย
โทร: 080-295-6052 | Line: @srikrungmentor

คุณปูเป้
โทร: 080-295-1830 | Line: @srikrungmentor

Facebook Page: ศรีกรุงปทุมธานี
TikTok: ปูเป้ศรีกรุงประกันภัย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้