4 จำนวนผู้เข้าชม |
เลือกประกันอุบัติเหตุอย่างไรให้เหมาะกับอาชีพ — เพราะความเสี่ยงของแต่ละอาชีพไม่เท่ากัน
หลายคนอาจคิดว่า “ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA)” มีรูปแบบเดียว แต่ในความจริงแล้ว
แต่ละอาชีพมี ระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ทำให้ความคุ้มครองและเบี้ยประกันก็แตกต่างกันตามไปด้วย
การเลือกแผนประกันที่เหมาะกับอาชีพจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองครบถ้วนในเวลาที่เกิดเหตุจริง
1. เข้าใจพื้นฐานก่อน — ประกันอุบัติเหตุคืออะไร
ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident Insurance) คือกรมธรรม์ที่คุ้มครองผู้เอาประกันภัยจาก “อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันและไม่คาดคิด”
โดยความคุ้มครองหลัก ได้แก่
เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
สูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวร
ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ
ค่าชดเชยรายวันระหว่างพักรักษาตัว
แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ บริษัทประกันจะแบ่ง “กลุ่มอาชีพ” ตามความเสี่ยง เพื่อกำหนดเบี้ยและขอบเขตความคุ้มครอง
2. กลุ่มอาชีพตามความเสี่ยงของประกันอุบัติเหตุ
กลุ่ม 1: อาชีพความเสี่ยงต่ำ
เช่น พนักงานออฟฟิศ ครู พยาบาล เสมียน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล หรือผู้บริหาร
ลักษณะงาน: ทำงานในอาคาร ไม่ต้องใช้แรงงานหรือขับรถเป็นประจำ
ความคุ้มครอง: ครอบคลุมครบทุกกรณี เบี้ยประกันถูก
แนะนำ: เลือกแผนที่เพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาล เพราะอุบัติเหตุจากการเดินทางหรือกิจกรรมในชีวิตประจำวันเกิดขึ้นบ่อย
ตัวอย่างเบี้ย:
เริ่มต้นเพียง 800–1,200 บาทต่อปี แต่คุ้มครองสูงถึง 500,000–1,000,000 บาท
กลุ่ม 2: อาชีพความเสี่ยงปานกลาง
เช่น พนักงานขับรถ ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมบำรุง พนักงานขายนอกสถานที่
ลักษณะงาน: ต้องเดินทางหรือทำงานภาคสนาม มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานหรือการขับขี่
ความคุ้มครอง: คล้ายกลุ่ม 1 แต่เบี้ยประกันจะสูงกว่าเล็กน้อย และบางแผนจะจำกัดวงเงินค่าชดเชยรายวัน
แนะนำ: ควรเลือกแบบที่คุ้มครอง “อุบัติเหตุจากการทำงาน” และ “อุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์”
ตัวอย่างเบี้ย:
ประมาณ 1,500–2,500 บาทต่อปี ครอบคลุมสูงสุดถึง 1,000,000 บาท
กลุ่ม 3: อาชีพความเสี่ยงสูง
เช่น พนักงานก่อสร้าง พนักงานโรงงาน ช่างเครื่องกล ช่างเชื่อม ช่างไฟแรงสูง
ลักษณะงาน: ทำงานเกี่ยวข้องกับเครื่องจักร ความร้อน หรือพื้นที่สูง
ความคุ้มครอง: ต้องเลือกแผนที่ระบุ “คุ้มครองอุบัติเหตุจากการทำงาน” อย่างชัดเจน
เพราะหลายบริษัทไม่คุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุในระหว่างปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงสูง
แนะนำ:
เลือกแผนที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลจริง และมีค่าชดเชยรายวัน
เพิ่มความคุ้มครองชีวิตให้เพียงพอต่อรายได้ 3–5 เท่า
ตัวอย่างเบี้ย:
2,500–4,000 บาทต่อปี วงเงินคุ้มครอง 1,000,000–2,000,000 บาท
กลุ่ม 4: อาชีพเฉพาะทางเสี่ยงพิเศษ
เช่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัย นักบิน ทหาร ตำรวจ
ลักษณะงาน: มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุรุนแรงโดยตรง
ความคุ้มครอง: ต้องเลือกแผนเฉพาะทางจากบริษัทที่รับคุ้มครองอาชีพพิเศษเท่านั้น
แนะนำ: เน้นวงเงินคุ้มครองสูงและความคุ้มครองค่ารักษาแบบ “ไม่จำกัดวงเงินต่อครั้ง”
3. เลือกแผนให้เหมาะกับตัวเอง — ดู 3 จุดสำคัญ
ทุนประกันชีวิต (Death Benefit)
ควรเลือกอย่างน้อย 3–5 เท่าของรายได้ต่อปี เพื่อให้ครอบครัวไม่ลำบากหากเกิดเหตุร้ายแรง
ค่ารักษาพยาบาล (Medical Expense)
เลือกวงเงินที่ครอบคลุมโรงพยาบาลเอกชน เช่น 50,000–100,000 บาทต่อครั้ง
ค่าชดเชยรายวัน (Daily Compensation)
เหมาะกับอาชีพอิสระหรือคนไม่มีเงินเดือนประจำ เช่น พ่อค้า แม่ค้า หรือฟรีแลนซ์
4. ข้อควรระวังในการซื้อประกันอุบัติเหตุ
แจ้งอาชีพจริงตามความเป็นจริง ไม่ปกปิด เพราะอาจทำให้เคลมไม่ได้
อ่านเงื่อนไข “ข้อยกเว้น” เช่น อุบัติเหตุจากการแข่งรถ หรือขณะเมาสุรา
ตรวจสอบวันคุ้มครองเริ่มต้นหลังทำประกัน เพราะบางกรมธรรม์มีระยะรอคอย
5. สรุป
อุบัติเหตุไม่เลือกเวลาและอาชีพ แต่ผลกระทบต่อแต่ละคนไม่เท่ากัน
การเลือกประกันที่เหมาะกับความเสี่ยงของอาชีพจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณ คุ้มครองครบ จ่ายคุ้ม และไม่เสียสิทธิ์ตอนเคลม
ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) คือ “เกราะป้องกันพื้นฐาน” ที่คนวัยทำงานทุกอาชีพควรมีติดตัวไว้
สนใจเช็กเบี้ย ประกันPAอุบัติเหตุ ติดต่อได้ที่
คุณบอย
โทร: 080-295-6052 | Line: @srikrungmentor
คุณปูเป้
โทร: 080-295-1830 | Line: @srikrungmentor
Facebook Page: ศรีกรุงปทุมธานี
TikTok: ปูเป้ศรีกรุงประกันภัย