12 จำนวนผู้เข้าชม |
เคล็ดลับเลือกประกันโกดังสินค้า: ดูอะไรบ้างก่อนตัดสินใจซื้อ
“โกดังสินค้า” คือหัวใจสำคัญของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเก็บสินค้า การขนส่ง และโลจิสติกส์ แต่ก็เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือการโจรกรรม
การมี ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) จึงเป็นการป้องกันความเสียหายที่คุ้มค่า แต่จะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ? บทความนี้มีคำแนะนำแบบเข้าใจง่าย
1. ประเมินมูลค่าทรัพย์สินในโกดังให้เหมาะกับทุนประกัน
ก่อนตัดสินใจทำประกัน ควรประเมินมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดภายในโกดัง ไม่ว่าจะเป็น
ตัวอาคาร
เครื่องมือและเครื่องจักร
สินค้าคงคลัง
ชั้นวางและระบบจัดเก็บ
เพราะหากตั้งทุนประกันต่ำกว่าความเป็นจริง (Underinsured) จะทำให้เมื่อเกิดเหตุ บริษัทประกันจ่ายชดเชยเพียงบางส่วนเท่านั้น
เคล็ดลับ: ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินมูลค่าทรัพย์สินจริงก่อนระบุทุนประกันในกรมธรรม์
2. ตรวจสอบขอบเขตความคุ้มครองหลัก
ประกันโกดังสินค้าส่วนใหญ่คุ้มครอง 3 เหตุหลักคือ
ไฟไหม้ (Fire)
ฟ้าผ่า / การระเบิด (Lightning & Explosion)
ควันไฟ / น้ำจากการดับเพลิง (Smoke & Water Damage)
แต่คุณสามารถเลือกเพิ่มภัยอื่น ๆ ได้ เช่น
น้ำท่วม / พายุ
แผ่นดินไหว
การโจรกรรม
การชนของยานพาหนะ
ความเสียหายจากการขนย้ายสินค้า
แนะนำ: เลือกความคุ้มครองที่เหมาะกับพื้นที่ตั้งของโกดัง เช่น หากอยู่ในพื้นที่ลุ่ม ควรเพิ่มภัยน้ำท่วมไว้ด้วย
3. พิจารณาความคุ้มครองเพิ่มเติม (Optional Cover)
ธุรกิจที่มีสินค้ามูลค่าสูงหรือมีความเสี่ยงเฉพาะทาง เช่น สินค้าควบคุมอุณหภูมิ หรือวัตถุไวไฟ ควรเพิ่มความคุ้มครองเสริม เช่น
Business Interruption: ชดเชยรายได้ที่สูญเสียระหว่างซ่อมโกดัง
Debris Removal: ค่ารื้อถอนและทำความสะอาดหลังเกิดเหตุ
Third Party Liability: ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก
4. ตรวจสอบเงื่อนไขของบริษัทประกัน
แต่ละบริษัทมีนโยบายและเงื่อนไขต่างกัน เช่น
ขอบเขตพื้นที่ที่คุ้มครอง
ข้อจำกัดของสินค้า (บางประเภทอาจไม่คุ้มครอง เช่น วัตถุไวไฟ หรือของมีค่า)
ขั้นตอนการเคลมและระยะเวลาการจ่ายสินไหม
เคล็ดลับ: เลือกบริษัทประกันที่มีชื่อเสียง และมีทีมเคลมมืออาชีพ เช่น การทำผ่าน ศรีกรุงโบรคเกอร์ ที่สามารถเปรียบเทียบหลายบริษัทให้เหมาะกับคุณ
5. ดูเบี้ยประกันเทียบกับความคุ้มครอง
ค่าเบี้ยประกันโกดังสินค้าเริ่มต้นปีละไม่กี่พันบาท แต่ให้ความคุ้มครองหลักแสนถึงหลักล้านบาท
อย่าเลือกเพียงเพราะราคาถูกที่สุด แต่ควรพิจารณาความคุ้มครองโดยรวม เช่น
คุ้มครองอาคาร + สินค้า
ความคุ้มครองภัยธรรมชาติ
บริการช่วยเหลือหลังเหตุการณ์
จำไว้ว่าความคุ้มครองที่ดี ควรเหมาะกับลักษณะธุรกิจและความเสี่ยงจริงของคุณ
สรุป
ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) คือเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจยุคใหม่
ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการโลจิสติกส์ โรงงาน หรือธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การมีประกันโกดังไว้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า “สินค้าทุกชิ้นในโกดังมีคนดูแล” แม้ในวันที่เกิดเหตุไม่คาดคิด
สนใจเช็กเบี้ย ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) ติดต่อได้ที่
คุณบอย
โทร: 080-295-6052 | Line: @srikrungmentor
คุณปูเป้
โทร: 080-295-1830 | Line: @srikrungmentor
Facebook Page: ศรีกรุงปทุมธานี
TikTok: ปูเป้ศรีกรุงประกันภัย