ประกันเครื่องจักร ไม่ใช่แค่คุ้มครองการพัง แต่คือการป้องกันการหยุดสายการผลิต

3 จำนวนผู้เข้าชม  | 

“ประกันเครื่องจักร” ไม่ใช่แค่คุ้มครองการพัง — แต่คือการป้องกันการหยุดสายการผลิต

“ประกันเครื่องจักร” ไม่ใช่แค่คุ้มครองการพัง — แต่คือการป้องกันการหยุดสายการผลิต
ในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องจักรคือหัวใจสำคัญของการผลิต ทุกชั่วโมงที่เครื่องหยุดเดิน หมายถึง “รายได้ที่หายไป” และ “ต้นทุนที่ยังต้องจ่าย” เช่น ค่าแรง ค่าพลังงาน และค่าเสียโอกาสในการส่งมอบสินค้า

หลายโรงงานมองว่า “ประกันเครื่องจักร” มีไว้แค่ตอนเครื่องพังแล้วค่อยซ่อม แต่ในความเป็นจริง ประกันประเภทนี้ทำได้มากกว่านั้น เพราะมันคือ เครื่องมือป้องกันการหยุดชะงักของธุรกิจ และช่วยให้การผลิตเดินหน้าต่อได้แม้เกิดเหตุไม่คาดคิด


เข้าใจ “ประกันเครื่องจักร” ให้ถูกตั้งแต่ต้น
ประกันเครื่องจักร (Machinery Breakdown Insurance)
คือประกันที่คุ้มครอง “ความเสียหายทางกายภาพของเครื่องจักร” จากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็น

การลัดวงจรของระบบไฟฟ้า
เพลาขาด ลูกปืนแตก
การระเบิดภายในของหม้อไอน้ำหรือเครื่องแรงดัน
ความเสียหายจากการหล่อลื่นไม่เพียงพอ
ความผิดพลาดของผู้ปฏิบัติงาน (Human Error)
เมื่อเกิดเหตุ บริษัทประกันจะจ่ายค่าซ่อมหรือค่าทดแทนตามมูลค่าความเสียหายจริง


ปัญหาที่โรงงานส่วนใหญ่มองข้าม
เมื่อเครื่องจักรพัง โรงงานไม่ได้เสียแค่ค่าอะไหล่หรือค่าช่างเท่านั้น
แต่ยังมี “ต้นทุนแฝงจากการหยุดผลิต” ที่มองไม่เห็น เช่น

รายได้ที่หายไปจากการผลิตล่าช้า
ค่าชดเชยลูกค้าที่ได้รับสินค้าช้า
การสูญเสียวัตถุดิบในระหว่างเกิดเหตุ
ค่าจ้างแรงงานที่ยังต้องจ่ายแม้ไม่มีการผลิต
ในบางกรณี โรงงานอาจต้องใช้เวลาซ่อมนานเป็นสัปดาห์ ทำให้ธุรกิจขาดรายได้หลายล้านบาท


ประกันเครื่องจักร + ประกันธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption) = คุ้มครองครบวงจร
หลายบริษัทประกันมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถ เชื่อมโยงประกันเครื่องจักรเข้ากับประกันธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption Insurance)
ซึ่งจะช่วย “จ่ายชดเชยรายได้ที่หายไป” ระหว่างช่วงที่เครื่องจักรหยุดทำงาน

ตัวอย่างเช่น
หากเครื่องจักรหลักในสายการผลิตเสียหายจากไฟฟ้าลัดวงจรและต้องซ่อม 15 วัน
บริษัทประกันจะชดเชยรายได้ตามกำไรขั้นต้นที่สูญเสียไปในช่วงเวลาดังกล่าว

นี่คือแนวคิดการบริหารความเสี่ยงยุคใหม่ ที่ไม่ได้มองเพียง “ซ่อมเครื่องให้ใช้ได้”
แต่คือการ “รักษาความต่อเนื่องของธุรกิจ” ให้เดินหน้าตลอดเวลา


ตัวอย่างเหตุการณ์จริง
โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในระยองมีเครื่องปั๊มโลหะมูลค่า 8 ล้านบาท เกิดเพลาหักกลางการทำงาน
ต้องหยุดการผลิตทันที 10 วัน แต่เนื่องจากทำประกันเครื่องจักรพร้อม Business Interruption ไว้

บริษัทประกันจ่ายค่าซ่อมเครื่อง 450,000 บาท
และชดเชยรายได้ที่หายไประหว่างซ่อมอีก 300,000 บาท
รวมแล้วโรงงานได้รับเงินชดเชยกว่า 750,000 บาท และสามารถกลับมาผลิตได้ตามกำหนดโดยไม่กระทบสภาพคล่อง


ทำไมโรงงานยุคใหม่ถึงควรมีประกันเครื่องจักร
ลดความเสี่ยงด้านต้นทุนก้อนใหญ่
ค่าอะไหล่และซ่อมแซมเครื่องจักรอาจสูงถึงหลักแสนถึงล้านบาท
ป้องกันความล่าช้าในการส่งมอบงาน
การหยุดผลิตแม้เพียงวันเดียวอาจกระทบต่อสัญญาลูกค้าระยะยาว
รักษากระแสเงินสดของธุรกิจ
ประกันช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่เกิดขึ้นกะทันหัน
สร้างความมั่นใจให้คู่ค้าและลูกค้า
โรงงานที่มีระบบบริหารความเสี่ยงชัดเจน จะดูน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานมากกว่า

สรุป
“ประกันเครื่องจักร” ไม่ใช่แค่การจ่ายค่าซ่อมเมื่อพัง แต่คือการป้องกันการหยุดสายการผลิตที่อาจทำให้ธุรกิจสูญเสียรายได้มหาศาล
เพราะในโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่ ทุกนาทีของเครื่องจักรมีค่าเท่ากับเงิน

ดังนั้น โรงงานที่ต้องการความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว ควรเริ่มต้นด้วยการมี “ประกันเครื่องจักร” เป็นหนึ่งในแผนบริหารความเสี่ยงขององค์กร


 สนใจเช็กเบี้ย ประกัน ติดต่อได้ที่

คุณบอย
โทร: 080-295-6052 | Line: @srikrungmentor

คุณปูเป้
โทร: 080-295-1830 | Line: @srikrungmentor

Facebook Page: ศรีกรุงปทุมธานี
TikTok: ปูเป้ศรีกรุงประกันภัย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้