ประกันโกดังสินค้ากับประกันอัคคีภัยต่างกันอย่างไร

12 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ประกันโกดังสินค้ากับประกันอัคคีภัยต่างกันอย่างไร

ประกันโกดังสินค้ากับประกันอัคคีภัยต่างกันอย่างไร? เจ้าของกิจการควรรู้ก่อนทำ
เจ้าของโรงงานหรือผู้ประกอบการจำนวนมากเข้าใจว่า “ทำประกันอัคคีภัย” แล้วจะคุ้มครองโกดังสินค้าทั้งหมด
แต่ในความเป็นจริง ประกันอัคคีภัย (Fire Insurance) และ ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) มี “ขอบเขตความคุ้มครอง” ที่แตกต่างกันอย่างมาก

หากเข้าใจผิด อาจทำให้เมื่อเกิดเหตุจริง เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือสินค้าชำรุดจากความชื้น —
เจ้าของโกดังกลับ ไม่สามารถเคลมประกันได้เต็มจำนวน


1. จุดประสงค์ของประกันแต่ละประเภท
ประเภทประกัน
จุดประสงค์หลัก
เหมาะสำหรับ
ประกันอัคคีภัย (Fire Insurance)
คุ้มครองอาคารและทรัพย์สินจาก “ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด”
บ้าน อาคารพาณิชย์ โรงงานทั่วไป
ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance)
คุ้มครอง “สินค้าและทรัพย์สินที่จัดเก็บ” ภายในโกดัง รวมถึงภัยธรรมชาติ
โกดังสินค้า โรงเก็บวัตถุดิบ และธุรกิจโลจิสติกส์
สรุปง่าย ๆ คือ

ประกันอัคคีภัย เน้นคุ้มครองตัวอาคาร
ประกันโกดังสินค้า เน้นคุ้มครอง “สินค้าที่อยู่ในอาคาร”

2. ความคุ้มครองหลักของ “ประกันอัคคีภัย”
คุ้มครอง:

ไฟไหม้
ฟ้าผ่า
การระเบิดจากแก๊สภายในอาคาร
ขยายความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ (ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์):

ภัยน้ำท่วม
ลมพายุ ลูกเห็บ
การชนของยานพาหนะ
การตกของอากาศยาน
ข้อจำกัด:

ไม่คุ้มครอง “สินค้า” หรือ “วัตถุดิบ” ที่เก็บไว้ในโกดัง หากไม่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์โดยเฉพาะ
ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากความชื้น อุณหภูมิ หรือการเก็บรักษาไม่เหมาะสม

3. ความคุ้มครองหลักของ “ประกันโกดังสินค้า”
คุ้มครอง:

ตัวอาคารโกดังและทรัพย์สินภายใน
สินค้าหรือวัตถุดิบที่จัดเก็บอยู่ในโกดัง
ความเสียหายจากไฟไหม้ น้ำท่วม ฟ้าผ่า ลมพายุ
ความเสียหายจากการขนย้ายสินค้าในพื้นที่โกดัง
ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก หากไฟไหม้ลามไปยังทรัพย์สินผู้อื่น
ข้อดีเพิ่มเติม:

สามารถระบุ “ประเภทสินค้า” เพื่อให้คุ้มครองเฉพาะที่ต้องการ เช่น อาหารแห้ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าส่งออก
บางกรมธรรม์สามารถขยายคุ้มครองถึง “ช่วงเวลาที่สินค้ากำลังขนส่งภายในโกดัง” ได้ด้วย

4. กรณีศึกษา: เจ้าของโกดังที่เข้าใจผิด
บริษัทหนึ่งทำประกันอัคคีภัยครอบคลุมอาคารมูลค่า 10 ล้านบาท
ต่อมาเกิดไฟไหม้ในโกดังที่เก็บสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่ากว่า 8 ล้านบาท
เมื่อเคลมประกันกลับได้รับค่าชดเชยเฉพาะตัวอาคารเท่านั้น เพราะกรมธรรม์ไม่ได้ระบุ “สินค้าภายในโกดัง” ไว้เป็นส่วนหนึ่งของทุนประกัน

หลังจากนั้นบริษัทได้เปลี่ยนมาใช้ ประกันโกดังสินค้าแบบครบวงจร
ซึ่งครอบคลุมทั้งอาคารและทรัพย์สินภายใน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ


5. เจ้าของโกดังควรทำประกันแบบไหนถึงจะคุ้มที่สุด
1. หากเป็นโกดังของบริษัทเอง:
ควรทำ ประกันโกดังสินค้า (Warehouse Insurance) ที่รวมความคุ้มครองทั้งอาคารและสินค้าภายใน

2. หากเป็นโกดังให้เช่า:

เจ้าของโกดังควรทำ ประกันอาคารและความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (Public Liability)
ผู้เช่าควรทำ ประกันสินค้าที่เก็บอยู่ในโกดัง ของตนเอง
3. หากเป็นโกดังเก็บสินค้าส่งออกหรือสินค้าราคาสูง:
ควรเพิ่มความคุ้มครอง “ภัยน้ำท่วม” และ “การโจรกรรม” ไว้ในกรมธรรม์


6. สรุป
“ประกันอัคคีภัย” และ “ประกันโกดังสินค้า” มีเป้าหมายต่างกัน

ประกันอัคคีภัยปกป้อง “ตัวอาคาร”
ประกันโกดังสินค้าปกป้อง “ของที่อยู่ในอาคาร”
การเลือกประกันที่เหมาะสมคือหัวใจสำคัญในการบริหารความเสี่ยงธุรกิจ
เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น การมีประกันที่ครอบคลุมคือสิ่งเดียวที่จะช่วยให้ธุรกิจกลับมาเดินหน้าต่อได้โดยไม่สะดุด


สนใจเช็กเบี้ย ประกันเครื่องจักร ติดต่อได้ที่

คุณบอย
โทร: 080-295-6052 | Line: @srikrungmentor

คุณปูเป้
โทร: 080-295-1830 | Line: @srikrungmentor

Facebook Page: ศรีกรุงปทุมธานี
TikTok: ปูเป้ศรีกรุงประกันภัย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้