น้ำท่วมคือภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เมื่อเกิดฝนตกหนัก น้ำระบายไม่ทัน หรือเกิดน้ำหลากฉับพลัน รถยนต์ที่จอดอยู่หรือวิ่งผ่านเส้นทางเหล่านั้นอาจได้รับความเสียหายจาก “น้ำท่วม” หรือถึงขั้น “จมน้ำ” ซึ่งสร้างความเสียหายทั้งระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า และภายในรถ
ถ้ารถจมน้ำ ประกันแบบไหนถึงจะคุ้มครอง?
ประกันชั้น 1 – คุ้มครองรถจมน้ำ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นประเภทเดียวที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุม “ภัยจากน้ำท่วม” ซึ่งรวมถึงกรณีรถจมน้ำทั้งขณะขับขี่หรือจอดอยู่ โดยความเสียหายที่คุ้มครองจะรวมถึง:
- เครื่องยนต์เสียหายจากน้ำเข้า
- ระบบไฟฟ้าขัดข้อง
- เบาะรถหรือภายในรถเปียกเสียหาย
- ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดและซ่อมแซม
หมายเหตุ: การเคลมจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท เช่น ต้องไม่ฝ่าฝืนน้ำท่วมที่มีการเตือนล่วงหน้า ประกันชั้น 2+ และ 3+ – ไม่คุ้มครองน้ำท่วมแม้ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะให้ความคุ้มครองกรณีรถชนกับยานพาหนะทางบก แต่ จะไม่คุ้มครองความเสียหายจากน้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ ดังนั้น หากคุณใช้รถในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมบ่อย ๆ การเลือกประกันชั้น 1 จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เคลมรถจมน้ำต้องทำอย่างไร?หากเกิดเหตุรถจมน้ำ ควรดำเนินการดังนี้:1. อย่าสตาร์ทรถเด็ดขาดหากน้ำยังท่วมถึงเครื่องยนต์ การสตาร์ทรถอาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น2. ถ่ายภาพความเสียหายไว้เป็นหลักฐานเก็บภาพสภาพรถ สภาพแวดล้อม และระดับน้ำไว้ใช้ประกอบการเคลม3. ติดต่อบริษัทประกันทันทีแจ้งเหตุและขอให้รถยกไปอู่หรือศูนย์บริการตามเงื่อนไขกรมธรรม์4.ส่งรถให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบก่อนซ่อมโดยเฉพาะระบบไฟฟ้า และกล่อง ECU ที่มักเสียหายจากน้ำ คำแนะนำเพิ่มเติมหากคุณใช้รถในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมซ้ำซาก เช่น เขตลุ่มต่ำ เขตชานเมือง หรือเส้นทางริมคลอง ควรทำประกันชั้น 1 เพื่อความอุ่นใจ
ตรวจสอบเงื่อนไขประกันทุกครั้ง ว่าคุ้มครองภัยธรรมชาติหรือไม่
หากใช้รถมือสอง ให้ตรวจสอบประวัติว่าเคยจมน้ำมาก่อนหรือไม่
---------------------------------------------------
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: Line: @srikrungmentor (มี @)
ติดต่อ: 080-2956052 (พี่บอย) 080-2951830 (พี่ปูเป้)
ช่องทางการติดต่อ https://instabio.cc/4122708Af3kW